ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการช่วยแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ ใต้ตาหมีแพนด้า ใต้ตาลึก ตาโหล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลทำให้เกิดปัญหาหน้าแก่ หน้าโทรมดูมีอายุที่มากกว่าวัยได้ ซึ่งหากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่ หมอเลยจะมาแนะนำให้เลือกรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่จะช่วยตอบโจทย์ปัญหาได้อย่างครอบคลุม
และสำหรับใครที่กำลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่นั้นในบทความนี้ เราเลยจะพามาเจาะลึกกันว่าฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร มีข้อดีอย่างไร เหมาะกับใครและควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแบบไหนให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under eyes filler) คือ การฉีดสารฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์เข้าทำหน้าที่ทดแทนเซลล์ผิว ไขมันหรือคอลลาเจนในผิวที่เกิดการเสื่อมโทรมไปจนทำให้ผิวใต้ตาเกิดการยุบตัวลงให้กลับมาเติมเต็ม เรียบเนียนและชุ่มชื้นขึ้นอีกครั้ง
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นถือว่าช่วยแก้ปัญหาผิวรอบ ๆ ดวงตาได้หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นลดริ้วรอย รอยตีนกา แก้ใต้ตาดำคล้ำ ใต้ตาลึก ตาโบ๋ ตาโหล แก้ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย หรือแม้แต่การฉีดเติมดอลลี่อายเพื่อทำให้องค์รวมของดวงตาดูหวานละมุนมากยิ่งขึ้นเอง
ข้อดีข้อเสีย ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีอะไรบ้าง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย
- ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ ใต้ตาลึก ใต้ตาโบ๋
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวใต้ตา
- สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างทันที
- มีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างน้อย
- มียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกหลายยี่ห้อและมีหลายราคาให้เลือกตามความเหมาะสม
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างถาวร เนื่องจากฟิลเลอร์จะสามารถสลายได้ในร่างกายมนุษย์
- หลังฉีดอาจมีอาการบวม เนื่องจากผิวใต้ตามีความบอบบางสูง
- มีฟิลเลอร์ของปลอมระบาดค่อนข้างมาก ก่อนจะฉีดจะต้องตรวจเช็คให้ดี
- ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น
ปัญหาใต้ตา มักเกิดขึ้นจากสาเหตุใด ?
ปัญหาผิวใต้ตานั้นมีอยู่หลายแบบด้วยกันแต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากผิวส่วนร่องน้ำตา (Tear Through) เกิดการยุบตัวลงจนทำให้ผิวเกิดเป็นร่องหลุมขึ้นบริเวณใต้ตานั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่ทำผิวส่วนร่องน้ำตาเกิดการยุบตัวนั้นก็มาจากอีกหลายสาเหตุ เช่น
- อายุที่มากขึ้น : มนุษย์เราเมื่อเริ่มมีอายุที่มากขึ้นจะส่งทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินออกมาได้น้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้ผิวเกิดปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย
- กรรมพันธุ์ : เป็นอีกปัจจัยสำคัญของการส่งผลต่อปัญหาผิวใต้ตานั้นก็คือเรื่องของกรรมพันธุ์ โดยเฉพาะปัญหาผิวใต้ตาดำคล้ำนั่นเอง
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต : ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ การขนี้ตาบ่อย ๆ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์หรือแม้แต่การไม่ชอบทาครีมกันแดดก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำลายเซลล์ผิวใต้ตาให้เกิดการเสื่อมโทรม รวมไปถึงกระตุ้นอาการใต้ตาดำคล้ำได้อีกด้วย
วิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอย
ในปัจจุบันได้มีวิธีการหลาย ๆ วิธีที่จะสามารถช่วยดูแลผิวใต้ตาแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา และแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
- การทาครีมบำรุงใต้ตาหรืออายครีม : เป็นการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น อิ่มน้ำมากขึ้นและตัวครีมบางยี่ห้อก็ได้มีการใส่ส่วนผสมที่ช่วยปรับผิวให้ตาให้กระจ่างใสขึ้นหรือส่วนผสมที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาอย่าง เรตินอล เข้ามาอีกด้วย
- การมาส์กใต้ตา : วิธีนี้จะคล้ายคลึงกับการทาอายครีมแต่จะมาในรูปแบบของแผ่นมาส์กแทน ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้านและสามารถทำได้ทุกวันตามความต้องการ
- การฉีดเมโสใต้ตา : เป็นวิธีการฉีดตัวยาที่มีส่วนผสมของสารต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการปรับผิวใต้ตาให้กระจ่างใสและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวใต้ตา ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อให้เลือกด้วยกัน เช่น Filorga, Cytocare เป็นต้น
- การเลเซอร์ถุงใต้ตา : ก็ใช้พลังงานไมโครเลเซอร์ในการเข้าไปตัดถุงไขมันบริเวณใต้ตา ซึ่งมีข้อดีหลังทำจะไม่มีแผลที่ผิวด้านนอกแต่ก็จะเหมาะกับคนที่ไม่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- การฉีดไหมน้ำ : คือการฉีดตัวยาที่เป็นส่วนผสมของวัสดุ polydioxanone ที่จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวใต้ตามีความกระชับเต่งตึงมากขึ้น ทำให้ริ้วรอยและปัญหาผิวใต้ตาหย่อนคล้อยจางหายไป
- การดูดไขมัน : จะเป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาที่มีไขมันนูนขึ้นมา ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการใช้เครื่องมือในการดูดเอาไขมันส่วนนั้นออกไป ทำให้ผิวมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ถือเป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้วิธีอื่น ๆ แถมยังไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องการดูแลแผลหลังทำจึงถือว่าเป็นวิธีที่แพทย์หลายคนแนะนำมากที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต่างจากฉีดดอลลี่อาย อย่างไร ?
การทำดอลลี่อาย (Dolly eyes) ถือเป็นเทรนด์ความงามอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนานหลายปี ด้วยวิธีการฉีดเติมไขหรือฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปและปั้นทรงส่วนขอบตาล่างให้ดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งผลทำให้ใบหน้าดูอ่อนหวานมากยิ่งขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาเรื่องอะไรบ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นถือว่าเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาผิวใต้ตาได้อย่างครอบคลุมหลายปัญหาผิว ดังนี้
- ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาลึก เบ้าตาลึก ตาโหล
- ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ
- ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตา
- ช่วยแก้ปัญหาร่องใต้ตา
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวรอบ ๆ ดวงตา
- ช่วยปรับผิวให้มีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่ร่องใต้ตาและหางตา
- ช่วยแก้ปัญหาร่องใต้ตาที่หย่อนคล้อยมาบริเวณหน้าแก้ม
- ช่วยแก้ปัญหาเบ้าใต้ตาและผิวหน้าแก้มที่เกิดการยุบตัว
- ช่วยทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ส่งผลทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นตาม
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสริมโหงวเฮ้งดวงตา (หน่ำหนึงเก็ง)
ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นไม่ได้ช่วยแค่เรื่องแก้ปัญหาผิวใต้ตาเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเสริมหลักโหงวเฮ้งตามศาสตร์ของชาวจีนได้ดีอีกด้วย ซึ่งลักษณะของโหงวเฮ้งตาที่ดีจะมีลักษณะดังนี้
- จะต้องมีดวงตาที่ดูอิ่ม
- มีดวงตาที่สดใส
- มีผิวใต้ตาที่ไม่ดำคล้ำ
- มีผิวใต้ตาที่เรียบเนียนเปล่งปลั่ง ไม่มีริ้วรอย
ซึ่งหากมีลักษณะของดวงตาตามที่กล่าวจะถือว่าเป็นบุคคลที่ “มีชีวิตที่ร่ำรวย มีชีวิตที่มีแต่ความสุขเจริญรุ่งเรือง”
ลักษณะถุงใต้ตาแบบไหนที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าประเภทของถุงใต้ตาของเรานั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
- ถุงใต้ตาแท้ : มีสาเหตุการเกิดมาจากการที่เรามีอายุที่มากขึ้นจนทำให้เกิดเสื่อมโทรมของผิว และการยุบตัวของกระดูกใต้ตารวมไปถึงการที่ไขมันบริเวณใต้ตาเกิดการหย่อนคล้อยจนเกิดเป็นถุงใต้ตาแท้เกิดขึ้น
- ถุงใต้ตาเทียม : เป็นถุงใต้ตาที่เกิดขึ้นเพียงช่วยคราวมักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การขยี้ตาบ่อย ๆ การใช้สายตาที่มากเกินไป การร้องไห้ หรือเกิดจากภาวะความเครียดนั่นเอง
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์จะเหมาะกับถุงใต้ตาแท้เท่านั้นเพราะเนื้อฟิลเลอร์จะเข้าไปเสริมใต้ชั้นผิวบริเวณใต้ตาให้เติมเต็มและเรียบเนียนขึ้นอย่างทันที
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายหรือไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นไม่มีความอันตรายเลย แต่ทั้งนี้ก็ควรที่จะต้องเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง เนื่องจากว่าบริเวณใต้ตาถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างมากต่อร่างกาย และเป็นจุดที่มีเส้นเลือดสำคัญมากมายซึ่งหากแพทย์ผู้ฉีดไม่มีความชำนาญก็อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้
และนอกจากนั้นก็ควรที่จะเลือกฉีดด้วยฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากอย. โดยสามารถตรวจสอบฟิลเลอร์ของได้ทางเว็บไซต์ของบริษัทผู้จัดจำหน่ายฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อในไทย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา มีความต่างกันอย่างไร เลือกทำอะไรดี
ทั้ง 2 วิธีถือว่าเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาผิวบริเวณใต้ตาเหมือนกันทั้งคู่ แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของตัววัสดุที่ใช้ในการฉีดใต้ตา ดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : จะใช้การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิคเอซิดที่มีความบริสุทธิ์สูงและสามารถสลายได้ในร่างกายมนุษย์โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ฉีดไขมันใต้ตา : คือการฉีดเติมผิวใต้ตาด้วยเซลล์ไขมันของคนไข้ที่จะต้องผ่านการดูดเอาไขมันออกมาก่อนแล้วนำตัวไปไขมันปั่นเพื่อคัดแยกเอาส่วนที่ใช้ได้มาฉีดเติมบริเวณใต้ตา ซึ่งมีข้อดีคือไม่ต้องกังวลเรื่องการแพ้ระคายเคืองและสลายได้ยากในร่างกายอีกด้วย
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก ตาโหล เบ้าตาลึก
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา มีรอยตีนกา
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาดำคล้ำ
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำอย่างทันที
- ผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นหลังทำ
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาใต้ตาโดยไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก
ใครบ้างที่ไม่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้สารไฮยาลูรอนิค เอซิด
- สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่ทานยาที่ส่งผลทำให้เลือดหยุดไหลช้า
- ผู้ที่มีบาดแผล เป็นตุ่ม หนองเกิดขึ้นในตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล ?

โดยส่วนใหญ่แล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์อยู่ที่ข้างละ 1-2 CC ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวเดิมของคนไข้ร่วมด้วย โดยก่อนฉีดคนไข้สามารถเข้าปรึกษากับหมอเพื่อทำการประเมินจำนวนฟิลเลอร์ที่จะต้องใช้ก่อนได้
เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ?
ณ ตอนนี้ในบ้านเราถือว่ามียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกอยู่มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน โดยแต่ละยี่ห้อต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตา | ผู้ผลิตโดย | จุดเด่น |
Restylane | บริษัท กัลเดอร์มา จำกัด | เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีอย่าง NASHA Techology และ OBT Technology ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีความละเอียด มีเนื้อที่ยืดหยุ่น (Elasticity) สูงฉีดไปแล้วสามารถยึดเกาะผิวได้ดีและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ซึ่งรุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาก็คือ Restylane Defyne, Restylane Vital, Restylane Vital Light, Restylane Perlane Lyft และ Restylane Classic เป็นต้น |
Juvederm | บริษัท Allergan | ยี่ห้อนี้จะใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิตอย่าง Vycross และ Hylacross เนื้อฟิลเลอร์ที่ได้จึงมีความคงตัวสูง มีโมเลกุลที่เท่ากันและสามารถยึดเกาะผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยในการอุ้มน้ำและเห็นผลได้ยาวนาน ซึ่งรุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตามีดังนี้ Juvederm Volite, Juvederm Voluma และ Juvederm Volux เป็นต้น |
Belotero | บริษัท MERZ AESTHETICS | ฟิลเลอร์ยี่ห้อจะใช้ CPM Technology ในการผลิตส่งผลทำให้ฟิลเลอร์มีความเป็นเนื้อเดียว ฉีดแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติแบบสุด ๆ โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ Belotero Soft และ Belotero Volume เป็นต้น |
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี เลือกคลินิกแบบไหนให้ปลอดภัยได้มาตรฐาน

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นการเลือกคลินิกที่จะเข้ารับบริการถือว่ามีความจำเป็นอย่างสูง เนื่องจากว่าบริเวณใต้ตาถือเป็นตำแหน่งใกล้ดวงตาอย่างมากจึงทำให้จะต้องใช้เทคนิคการฉีดที่พิเศษเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายเกิดขึ้น ซึ่งเกณฑ์การคัดเลือกคลินิกมีดังนี้
- คลินิกทำการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
มีเลขใบอนุญาต 11 หลักที่สามารถตรวจสอบกับทางกระทรวงสาธารณสุขได้ มีบรรยากาศภายในคลินิกที่สะอาดถูกหลักอนามัย - ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านอย.
ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ผ่านทางเว็บไซต์บริษัทผู้จัดจำหน่ายฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อในประเทศไทยว่ามีคลินิกไหนบ้างที่ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ - ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการ์ณเท่านั้น
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะต้องใช้เทคนิคที่มีความเฉพาะและต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก เพราะหากฉีดพลาดอาจเสี่ยงถึงตาบอดได้ ดังนั้นหมอผู้ฉีดจึงต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญสูง - มียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกหลากหลาย
คลินิกควรมียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกหลาย ๆ ยี่ห้อเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ในแต่ละคนที่เข้ามาใช้บริการ
ไขข้อสงสัยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันถึงจะเห็นผล
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ แต่หลังจากทำไปสักพักจะเริ่มมีอาการบวมเกิดขึ้นซึ่งอาการจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 3-7 วัน โดยสามารถใช้วิธีการประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม นานแค่ไหน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเราจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือก เนื่องจากว่าฟิลเลอร์แต่ละรุ่นจะมีอายุการเห็นผลได้แตกต่างกันโดยรุ่นที่มีเนื้อเหลวจะอยู่ได้สั้นกว่ารุ่นที่เนื้อหนึด และก็อยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ร่วมด้วย
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะบวมกี่วัน ถึงจะเข้าที่ ?
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะบวมประมาณ 3-7 วันและอาการก็จะค่อย ๆ ยุบตัวลง ซึ่งเนื้อฟิลเลอร์จะใช้เวลาในการเข้าที่ในร่างกายแบบสมบูรณ์อยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เสี่ยงทำให้ตาบอดจริงหรือไม่ ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้ตาบอดได้ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยและยากมาก ๆ และมักเกิดขึ้นจากการฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการฉีดฟิลเลอร์รวมไปถึงการฉีดด้วยฟิลเลอร์ของปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานอีกด้วย
ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงควรทำการตรวจสอบให้ดีว่าแพทย์ผู้ฉีดคือใคร มีผลงานการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ดีมากแค่ไหน
ทำไมฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเกิดเป็นก้อน เกิดจากอะไร ? แก้ไขยังไงดี ?
ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น
- ฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์
- ฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไปจนทำให้เนื้อฟิลเลอร์นูนขึ้นมาเหนือชั้นผิว
- เลือกใช้รุ่นฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา
- ฉีดด้วยฟิลเลอร์ของปลอม
ซึ่งวิธีการแก้ไขก็คือหากเป็นการฉีดโดยฟิลเลอร์ของแท้จะสามารถใช้การฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อสลายเนื้อฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนอยู่ให้หายไปได้ แต่หากเป็นกรณีฉีดด้วยฟิลเลอร์ของปลอมจะต้องผ่าตัดและขูดเอาเนื้อฟิลเลอร์ออกมา
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดทานยาและอาหารเสริมประเภท NSAIDs แอสไพริน วิตามินอี อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดทำกิจกรรมที่ส่งผลทำให้เลือดสูบฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เข้าประเมินปัญหาผิวและวางแผนการรักษากับแพทย์ก่อนทำ
- เริ่มเช็ดทำความสะอาดผิวใต้ตาเพื่อฆ่าเชื้อโรค
- ตรวจสอบฟิลเลอร์ของแท้โดยหมอจะมีการแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า
- ทำการประคบเย็นบริเวณใต้ตา
- เริ่มฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิวตามเทคนิคและแผนการรักษาที่วางไว้
- เช็ดทำความสะอาดผิวและฟังข้อแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำ
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หลังฉีดอาจจะมีอาการบวมให้ใช้การประคบเย็นและอยู่ในที่อากาศเย็นจะช่วยลดอาการระคายเคืองได้
- หากมีอาการปวดสามารถทานยาแก้ปวดตามคำแนะนำของแพทย์ได้
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์ฟูและทำงานได้ดีในชั้นผิว
- หลังครบ 24 ชั่วโมงสามารถทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดเพื่อดูแลผิวได้
ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีอะไรบ้าง
- งดนวด กด ผิวที่ฉีดฟิลเลอร์เพราะจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
- งดใส่แว่นตาที่มีน้ำหนักที่มาก รวมไปถึงแว่นตาว่ายน้ำที่กดรัดผิวใต้ตา
- งดขยี้ตาแรง ๆ
- งดการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่ต้องใช้ความร้อนประมาณ 1 เดือน
- งดเข้าซาวน่า อาบแดด หรือทานอาหารหน้าเตาร้อน ๆ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในคนไข้บางรายอาจจะเกิดอาการผลข้างเคียงเกิดขึ้น เช่น
- อาการบวม
- มีรอยแดงจากเข็ม
- มีอาการปวดตึงผิว
ซึ่งเป็นอาการปกติที่จะสามารถหายไปได้เองภายใน 3-7 วัน แต่ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่ปกติ เช่น สายตาเริ่มพร่ามัว มีอาการปวดแบบรุนแรง มีอาการอักเสบเป็นหนอง ให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันที
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาโปรโมชั่นเท่าไหร่
ราคาโปรโมชั่นค่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะขึ้นอยู่กับคลินิกที่คนไข้เข้ารับบริการรวมไปถึงรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด ซึ่งสำหรับราคาโปรโมชั่นของกังนัมคลินิกมีดังนี้
- Juvederm ราคา 10,693-15,000 บาทต่อ 1 CC
- Restylane ราคา 8,623-12,000 บาทต่อ 1 CC
- Belotero ราคา 7,896-12,000 บาทต่อ 1 CC
ฟิลเลอร์ใต้ตา รีวิว
ฟิลเลอร์ของแท้หรือของปลอม ดูอย่างไร?
การตรวจเช็คฟิลเลอร์ของแท้หรือของปลอมนั้นสามารถสังเกตได้จาก 4 จุดหลัก ๆ ก็คือ
- กล่องบรรจุภัณฑ์จะต้องไม่มีรอยแกะหรือการถูกเปิดใช้งานมาก่อน
- มีฉลากภาษาไทยกำกับในกล่อง
- มีเลขลอตการผลิต 3 ตำแหน่งคือ ที่กล่อง ฉลาก และที่เข็มฟิลเลอร์
- มีสติ๊กเกอร์คิวอาร์โค้ดที่สามารถสแกนไปยังหน้าเว็บไซต์บริษัทผู้จัดจำหน่ายได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีด Filler ใต้ตา
ตอนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเจ็บไหม
ตอนฉีดไม่ต้องกลัวเจ็บเพราะฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชา และก่อนฉีดจะมีการประคบเย็นก่อนเริ่มลงเข็มอยู่แล้ว หรือหากใครกลัวเจ็บจริง ๆ สามารถขอการแปะยาชาก่อนทำได้
รอยคล้ำใต้ตาจากโรคภูมิแพ้ หากฉีดฟิลเลอร์แล้วหายไหม
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยกลบรอยดำคล้ำของผิวที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ได้โดยเนื้อฟิลเลอร์จะไปดันเส้นเลือดให้ฟูขึ้นนั่นเอง
ฟิลเลอร์ใต้ตา ทำไมต้องฉีดคู่กับฟิลเลอร์หน้าแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่จำเป็นต้องฉีดคู่กับฟิลเลอร์หน้าแก้มเสมอไปขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละคน ซึ่งหากใครที่มีปัญหาผิวหน้าแก้มหย่อนคล้อย หน้าแก้มห้อย หมอก็จะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์หน้าแก้มควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ผลลัพธ์สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
อยากสลายฟิลเลอร์ทำยังไง ต้องขูดออกไหม ?
เราสามารถสลายฟิลเลอร์ของแท้ได้ด้วยการฉีดสาร Hyaluronidase เข้าไปยังตำแหน่งที่มีเนื้อฟิลเลอร์อยู่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์สลายหายไปภายใน 48 ชั่วโมงโดยไม่ต้องขูดออกและเป็นวิธีที่ปลอดภัยอย่างมาก
หากหยุดฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วใต้ตาจะกลับมาคล้ำอีกรอบหรือไม่?
สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่เนื้อฟิลเลอร์เดิมได้สลายหายไปจนหมดซึ่งจะทำให้ผิวใต้ตากลับคืนสู่สภาวะเดิมเหมือนตอนก่อนฉีด ซึ่งคนไข้สามารถกลับมาฉีดซ้ำอีกรอบเพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้นได้
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือหัตถการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค เอซิดที่มีส่วนสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาตาลึก ตาโหล เบ้าตาลึก ริ้วรอยรอบดวงตา ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลทำให้ใบหน้าดูแก่ โทรมและมีอายุมากกว่าวัย โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างทันที และมีความปลอดภัยสูง
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่เพียงแค่ช่วยในเรื่องของการปรับดูแลผิวใต้ตาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถฉีดดอลลี่อายเพื่อเสริมความหวานและความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง มีความเชี่ยวชาญเรื่องการฉีดฟิลเลอร์อย่างมาก
สอบถามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับหัตถการความงามเพิ่มเติมหรือติดต่อเพื่อสำรองคิวกับทางคลินิกสามารถติดต่อได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาหรือทาง Line : @gangnamclinic