การฉีดฟิลเลอร์ จัดเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายปัญหาด้วยกันไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ร่องลึก การปรับผิวให้มีความเรียบเนียนเติมเต็มผิวให้เอิบอิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยคุณสมบัติที่เด่นในเรื่องของการอุ้มน้ำ
แต่ทั้งนี้หลายคนอาจจะยังมีคำถามว่าการฉีดฟิลเลอร์คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง เหมาะกับใครและมีข้อควรรู้อะไรที่เราควรจะทราบก่อนฉีดได้บ้างในบทความนี้หมอเลยได้รวบรวมข้อมูลสำคัญมาไว้ให้แล้ว
ฟิลเลอร์ คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ (filler) คือ วิธีการแก้ปัญหาผิวด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือเรียกสั้น ๆ ว่า HA) ที่สกัดขึ้นมาจากธรรมชาติทำให้ได้สาร HA ที่มีความใกล้เคียงกับ HA ที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ และตัวเนื้อฟิลเลอร์จะมาในรูปแบบคล้ายเนื้อเจลจึงทำให้ช่วยเติมเต็มผิว ทดแทนคอลลาเจนและสาร HA ในร่างกายมนุษย์ที่มีการสูญเสียไปได้เป็นอย่างดี ส่งผลทำให้ผิวมีความเอิบอิ่มและเติมเต็มมากยิ่งขึ้น
ในร่างกายมนุษย์เราโดยเฉพาะชั้นผิวจะมีคอลลาเจนและไฮยาลูโรนิค แอซิดอยู่ แต่เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ หรืออายุหลัง 25 ปีขึ้นไปร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนและไฮยาลูโรนิค แอซิดออกมาได้น้อยลงเรื่อย ๆ ส่งผลทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาหลายอย่าง เช่น ริ้วรอย ร่องลึก รวมไปถึงปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับเกิดขึ้นเป็นต้น
ฟิลเลอร์มีทั้งหมดกี่แบบ กี่ประเภท?

ในปัจจุบันฟิลเลอร์ในท้องตลาดนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
- Temporary Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว
ฟิลเลอร์กลุ่มนี้คือกลุ่มประเภทฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้เองในร่างกายมนุษย์ โดยจะมีอายุการเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นและแต่ละยี่ห้อที่เลือกใช้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทยตอนนี้ และจัดว่าเป็นฟิลเลอร์เพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้นที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย. หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย - Semi Permanent Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร
ฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะไม่สามารถสลายได้เองหมดทั้ง 100% ในร่างกายมนุษย์ซึ่งฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะสามารถเห็นผลได้ยาวนานกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราวแต่ก็มีข้อเสียคือเมื่อฉีดไปนานตัวเนื้อฟิลเลอร์อาจจะไหลไปรวมตัวกันเป็นก้อนได้ ซึ่งปัจจุบันฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะสามารถพบได้ในต่างประเทศแต่ในไทยเรานั้นฟิลเลอร์กลุ่มนี้ยังไม่ผ่านการรับรองจากอย.นั่นเอง - Permanent Filler หรือ ฟิลเลอร์แบบถาวร
เป็นฟิลเลอร์กลุ่มที่ไม่สามารถสลายได้ในร่างกายมนุษย์ มักมีส่วนผสมของกลุ่มซิลิโคน พาราเบนเป็นต้น ซึ่งปัจจุบันฟิลเลอร์กลุ่มนี้ถูกเรียกว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอม และยังไม่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย. เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้ในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ผิดรูปเป็นต้น
เนื้อฟิลเลอร์สามารถแบ่งได้ทั้งหมดกี่แบบ มีอะไรบ้าง
ซึ่งนอกจากว่าฟิลเลอร์นั้นจะสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทแล้วตัวเนื้อฟิลเลอร์เองก็สามารถแบ่งออกได้อีกหลายลักษณะด้วยกัน ดังนี้
ลักษณะเนื้อ | เหมาะสำหรับฉีดในชั้น | ตัวอย่างยี่ห้อ | |
ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง | จะมีความหนึด เนื้อแข็งแน่น จับตัวกันเป็นก้อน เนื้อสามารถคงตัวได้ดีในผิว | ชั้นกระดูกหรือผิวชั้นลึก | – Belotero Volume- Juvederm Voluma- Restylane Perlane Lift |
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม | เนื้อจะมีความหนึดและความแข็งในระดับปานกลาง ไม่เป็นก้อนแต่ก็ไม่เหลว | ชั้นไขมัน | -Belotero Balance- Juvederm Ultra Plus- Restylane Classic |
ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด | เนื้อจะเป็นเนื้อเจลมีความเหลวละเอียด เนื้อนิ่ม | ในผิวชั้นตื้นเพื่อแก้ริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ | – Belotero soft- Juverderm Volite- Restylane Vital Light |
จุดเด่นของเนื้อฟิลเลอร์ที่ควรรู้มีอะไรบ้าง

- ขนาดโมเลกุล
ขนาดโมเลกุลหรือขนาดของเม็ดฟิลเลอร์ นั้นถือว่ามีความสำคัญค่อนข้างมากเนื่องจากหากมีขนาดของโมเลกุลที่ใหญ่ก็จะทำให้เห็นผลได้นานมากขึ้น และนอกจากนั้นขนาดของโมเลกุลจะต้องมีความเท่ากันทำให้ได้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเดียวกันทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ - ความยืดหยุ่น
หรือค่า Resilient ซึ่งถือเป็นค่าที่บ่งบอกได้ว่าเนื้อฟิลเลอร์นั้นสามารถทนต่อแรงการขยับของผิวได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากยิ่งฟิลเลอร์มีเนื้อที่ยืดหยุ่นสูงมาก ๆ ก็จะเหมาะกับการใช้ฉีดในตำแหน่งที่จะมีการขยับผิวบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม หรือมุมปากเป็นต้น - ค่าความอุ้มน้ำ
หรือค่า Water Holding เป็นที่บ่งบอกว่าเนื้อฟิลเลอร์มีความฟูมากแค่ไหน เพราะหากยิ่งมีค่าอุ้มน้ำที่สูงเนื้อก็จะยิ่งฟูมาก ๆ - ความแข็งของเนื้อ
ในบรรดาฟิลเลอร์แต่ละรุ่นนั้นจะมีค่าความแข็งของเนื้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันซึ่งหากยิ่งมีเนื้อแข็งก็จะยิ่งอยู่ได้นานแต่ก็จะเหมาะกับการฉีดในผิวชั้นลึกหรือชั้นกระดูกเท่านั้น หรือใช้ในการฉีดเพื่อดึงยกกระชับผิวเป็นต้น - ค่าความกระจายตัว
คือค่าที่บ่งบอกว่าเมือ่ฉีดไปแล้วเนื้อฟิลเลอร์จะสามารถกระจายตัวในชั้นผิวได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งยิ่งมีการกระจายตัวที่ดีก็จะเหมาะอย่างมากกับคนที่มีสภาพผิวแห้ง - การเชื่อมพันธะของโมเลกุล
หรือ Crosslink เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญของเนื้อฟิลเลอร์ที่ดี เพราะหากยิ่งมีเยอะก็จะยิ่งส่งผลทำให้เห็นผลได้นานมากยิ่งขึ้น และจะเหมาะมากกับการฉีดในตำแหน่งที่มีการขยับตัวบ่อย ๆ
สารสำคัญที่พบในฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง?
เป็นที่แน่นอนว่าหลายคนอาจจะเกิดคำถามว่าในฟิลเลอร์นั้นมีสารตัวไหนเป็นส่วนประกอบสำคัญบ้างและสารแต่ละตัวนั้นมีความอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวหรือไม่
ประเภทฟิลเลอร์(filler) | คุณสมบัติ | การอยู่ตัว |
ฟิลเลอร์ชั่วคราว | เป็นสารที่พบได้ในร่างกาย และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ช่วยปรับผิวให้มีความเรียบเนียน เต่งตึง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี | อยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน |
ฟิลเลอร์กึ่งถาวร | สามารถย่อยสลายได้แต่ได้แบบไม่ครบ 100% | สามารถอยู่ได้นาน 2-5 ปี |
ฟิลเลอร์กึ่งถาวร | เนื้อฟิลเลอร์สามารถย่อยสลายได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น | อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน |
ฟิลเลอร์กึ่งถาวร | เป็นพลาสติกสังเคราะห์ สามารถย่อยสลายในธรรมชาติได้แค่บางส่วนเท่านั้น | อยู่ได้นานประมาณ 3-5 ปีขึ้นไป |
ฟิลเลอร์ถาวร | เป็นพลาสติกสังเคราะห์ ไม่สามารถย่อยสลายในธรรมชาติได้ | เห็นผลแบบถาวร |
หลักการออกฤทธิ์ของการฉีดฟิลเลอร์

หลังจากที่ทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังชั้นผิวแล้วตัวสาร Hyaluronic Acid หรือ HA จะเข้าไปทำการจับตัวกับน้ำในชั้นผิวของเราเพื่อให้เกิดการคงรูปของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้บริเวณร่องลึกมีความตื้นขึ้น ผิวมีความเติมเต็มและเอิบอิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ฟิลเลอร์ ฉีดในจุดไหนได้บ้าง แต่ละจุดต้องใช้กี่ CC ?

ในการฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบันนั้นก็ต้องบอกเลยว่าสามารถใช้ฉีดได้หลายจุด หลายตำแหน่งด้วยกัน ดังนี้
- ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเน้นไปที่การฉีดเพื่อปรับผิวบริเวณใต้ตาให้กลับมาเติมเต็มมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการแก้ปัญหาตาลึก ตาโหล เบ้าตาลึก ใต้ตาดำคล้ำ ปัญหาถุงใต้ตาหรือปัญหาที่เกิดมาจากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตาได้เช่นกัน - ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากถือว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยปรับแก้ปัญหาริมฝีปากได้หลายอย่าง อาทิเช่น มุมปากตก ปากบาง ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากไม่สมส่วน ปากไม่ได้รูปทรงแล้วปัจจุบันยังมีเทรนด์การฉีดปรับรูปปากเพื่อความงามอีกด้วย - คาง
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง นั้นก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการปรับรูปทรงคางที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากอีกด้วย เพราะจะเด่นอย่างมากในเรื่องของการเสริมความยาวของคางให้ยาวขึ้น ทำให้ใบหน้าสมส่วนมากยิ่งขึ้นและยังเด่นในเรื่องการช่วยแก้ปัญหาคางตัด คางสั้น คางบุ๋มได้อย่างเป็นธรรมชาติ - ขมับ
การปัญหาขมับตอบ ขมับยุบเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลทำให้องค์รวมของใบหน้าดูแก่ มีอายุมากกว่าวัยซึ่งฉีดฟิลเลอร์ขมับนั้นจะช่วยเติมขมับให้เต็มมากยิ่งขึ้นทำให้ช่วยทำให้ขมับเต็มขึ้น ช่วยอำพรางโหนกแก้ม และช่วยยกผิวบริเวณหางตาและทำให้ใบหน้าสมส่วนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย - หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนั้นจะเด่นในเรื่องของการปรับผิวหน้าผากให้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้นจึงช่วยเรื่องการแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และฉีดเพื่อเติมหน้าผากให้เป็นทรงนูนขึ้นเพื่อเสริมโหงวเฮ้งได้ดีอีกด้วย - ร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้ดีอย่างมาก ส่งผลทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาร่องแก้มเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยนั่นเอง - แก้มตอบ/แก้มส้ม
ฟิลเลอร์แก้มตอบ จะเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในตำแหน่งบริเวณแก้มที่เกิดเป็นแอ่งเกิดขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเติมเต็มมากยิ่งขึ้นและส่งผลทำให้หน้าดูเด็กลงและยังสามารถช่วยแก้ปัญหาแก้มไม่เท่ากันได้อีกด้วย - จมูก
การฉีดฟิลเลอร์จมูกนั้นจะเป็นการฉีดเติมในส่วนของสันจมูกเพื่อปรับสันจมูก และยังสามารถช่วยเติมส่วนปลายจมูกให้ได้รูปมากยิ่งขึ้นอีกด้วย - ยกมุมปาก
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากนั้นจะเหมาะมากกับคนที่มีปัญหามุมปากตก ปากคว่ำ ทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นมิตร ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากนั้นจะช่วยปรับรูปปากให้ยกขึ้นทำให้ใบหน้าดูเหมือนเป็นคนอมยิ้มตลอดเวลา
การฉีดฟิลเลอร์ อันตรายหรือไม่ ?
ในการฉีดฟิลเลอร์นั้นหมอก็ต้องบอกเลยว่าเป็นหัตถการที่ไม่ได้อันตรายใด ๆ เลย เนื่องจากสาร Hyaluronic Acid หรือ HA ในฟิลเลอร์นั้นเป็นสารบริสุทธิ์ใกล้เคียงกับสารในร่างกายมนุษย์ทำให้ไม่เป็นอันตรายและปัจจุบันฟิลเลอร์ของแท้ทุกยี่ห้อก็ต่างผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย.ไทยเป็นเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ควรฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและฉีดโดยฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มผิว แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกตามจุดต่าง ๆบนใบหน้า
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้สมส่วนไม่ว่าจะเป็นการเสริมความยาวของคาง การฉีดปากให้อวบอิ่ม
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำอย่างทันที
- ผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นหลังทำหัตถการ เนื่องจากหลังฉีดฟิลเลอร์คนไข้จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ผู้ที่กังวลเรื่องผลข้างเคียงหลังทำหัตถการ เพราะหลังฉีดฟิลเลอร์นั้นจะมีผลข้างเคียงที่น้อยหรืออาจไม่เกิดเลยในบางราย
ฉีดฟิลเลอร์ดีไหม มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง
ข้อดี
- สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
- หลังฉีดสามารถเห็นผลได้นาน 6-18 เดือน
- มีความปลอดภัยไม่เป็นอันตรายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
- มียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายราคา
ข้อเสีย
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์แบบถาวรได้
- ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติการแพ้สาร Hyaluronic Acid หรือ HA
- ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติการแพ้ยาชา
วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้-ปลอมต้องดูจากอะไรบ้าง
เพื่อความปลอดภัยและการเห็นผลลัพธ์ที่ดีหลังฉีด คนไข้จึงควรทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ที่จะต้องใช้ฉีดก่อนทุกครั้งโดยฟิลเลอร์ของแท้จะมีจุดสังเกตที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมี 4 ข้อสังเกตหลัก ๆ ดังนี้
- กล่องจะต้องไม่มีรอยการเปิดใช้งานมาก่อน
- มีฉลากกำกับเป็นภาษาไทยอยู่ในกล่องและมีเลขทะเบียนอย.อยู่ในฉลาก
- มีเลขลอตที่ผลิตอยู่ 3 ตำแหน่งคือ ที่กล่อง ที่ซอง และที่สติ๊กเกอร์ซึ่งจะเป็นตัวเลขชุดเดียวกัน
- สามารถสแกรน QR Code ไปยังหน้าเว็บไซต์ของบริษัทได้ และสามารถนำเลขอตที่ผลิตไปตรวจสอบกับทางบริษัทได้อีกเช่นกัน
เตรียมตัวอย่างไรก่อนทำฟิลเลอร์
- ศึกษาข้อมูล ข้อดี ผลข้างเคียงให้ละเอียดก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง
- หากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ประวัติการทานยารักษาโรคควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำทุกครั้ง
- งดการทานยาหรืออาหารเสริมกลุ่มแอสไพริน วาร์ฟาริน วิตามินอี สารสกัดจากแปะก๊วย โสม กระเทียมและน้ำมันตับปลาเป็นต้น เพราะจะส่งผลทำให้เลือดหยุดไหลยาก และไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการช้ำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพราะจะไปกระตุ้นอาการบวมหลังฉีด
กระบวนการฉีดฟิลเลอร์มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
- เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่มีและผลลัพธ์ที่ต้องการ เพื่อแพทย์จะได้วางแผนการรักษาได้อย่างตอบโจทย์
- เช็ดทำความสะอาดผิวรวมไปถึงการฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการอักเสบหรือติดเชื้อหลังฉีด
- ประคบเย็นเพื่อทำให้ผิวชาหรือการแปะยาชา
- เริ่มฉีดฟิลเลอร์ทีละจุดตามแผนการรักษาที่วางไว้
- เช็ดทำความสะอาดผิวแปะปลาสเตอร์และฟังคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์

- อาการบวม : จะเกิดขึ้นโดยมีอาการบวมเพียงเล็กน้อยโดยจะสามารถหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน
- ผิวแดงหรือเกิดรอยช้ำ : ซึ่งเป็นรอยที่เกิดขึ้นจากรอยเข็ม ซึ่งจะสามารถหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
- เกิดรอยนูน : มักจะเป็นรอยนูนที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในผิวชั้นตื้นมากเกินไป หรือฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็งในผิวชั้นตื้น ซึ่งหากผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์แล้วรอยนูนยังไม่จางหายไปให้รีบพบแพทย์เพื่อฉีดสลายฟิลเลอร์
- มีอาการอักเสบ : เช่น อาการบวม เจ็บ เป็นหนองเกิดขึ้น ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการฉีดด้วยฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ซึ่งให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาในลำดับต่อไป
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- งดการนวด กด บีบ หรือคลึงผิวในตำแหน่งที่มีการฉีดฟิลเลอร์เพราะอาจทำให้เนื้อฟิลเลอร์เคลื่อนที่จนผิดรูปได้
- งดการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA,BHA อย่างน้อย 2 วันหลังทำเพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ แต่ทั้งนี้ควรทาครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้นผิวอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำเช้า-เย็น
- งดการดื่มแอลกอฮอล์หลังทำ 2 วันแรกเพราะจะทำให้เลือกสูบฉีดจนเกิดรอยเขียวช้ำได้
- หลังฉีดในช่วง 4-5 วันแรกให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อทำให้เนื้อฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำได้ดีในชั้นผิว
- งดการทำกิจกรรมที่ทำให้ผิวต้องเผชิญกับความร้อน เช่น ซาวน่า อาบแดด ทานอาหารหน้าเตาร้อน ๆ เพราะจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์สลายได้ง่าย
- งดออกกำลังกายอย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์แรกเพราะอาจจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์ไหลหรือเคลื่อนตัวได้
การฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสำหรับใครบ้าง

- ผู้ที่มีประวัติการแพ้สาร Hyaluronic Acid หรือ HA
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาชา เนื่องจากฟิลเลอร์หลาย ๆ รุ่นมีส่วนผสมของยาชาอยู่
- สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงการให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติเลือดหยุดไหลยากหรือกำลังทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอยู่
ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม
ในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์นั้นคนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บได้เล็กน้อยในขั้นตอนที่เริ่มลงเข็มแต่ถือว่าเป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ เนื่องจากว่าการฉีดหมอจะมีการใช้เทคนิคการประคบเย็นเพื่อให้ผิวในบริเวณดังกล่าวเกิดความรู้สึกชาก่อนทุกครั้ง และบวกกับว่าในตัวฟิลเลอร์หลาย ๆ รุ่นก็ได้มีการใส่ส่วนผสมของยาชาเข้ามาอยู่แล้วจึงทำให้ช่วยลดอาการเจ็บในระหว่างทำได้เป็นอย่างดี
ค่าฉีดฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่

สำหรับราคาโปรโมชั่นในการฉีดฟิลเลอร์ของแต่ละคลินิกนั้นล้วนจะมีเรทราคาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับโปรโมชั่นในการฉีดฟิลเลอร์ที่กังนัมคลินิกนั้นจะมีราคาดังนี้
- Juvederm (USA) ราคาเริ่มต้น 1cc = 10,693 บาท
- Restylane (Sweden) ราคาเริ่มต้น 1cc = 8,623 บาท
- Belotero (Switzerland) ราคาเริ่มต้น 1cc = 7,896 บาท
- Neuramis (Korea) ราคาเริ่มต้น 1cc = 5,966 บาท
- Restylane kyss (สำหรับฉีดปาก) ราคาเริ่มต้น 1cc = 13,693 บาท
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?
สำหรับเรื่องของกฎเกณฑ์การเลือกพิจารณาคลินิกที่สถานพยาบาลที่จะเข้ารับบริการนั้นก็มีอยู่หลายเกณฑ์ด้วยกัน ดังนี้
- คลินิกได้มาตรฐาน : มีการขออนุญาตการเปิดกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเลข 11 หลักที่สามารถนำไปตรวจสอบได้กับทางกระทรวงสาธารณสุข
- คลินิกมีแพทย์ประจำคลินิก : และจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูงและจะต้องให้แพทย์เป็นผู้ทำหัตถการให้
- คลินิกมีที่ตั้ง ที่อยู่ชัดเจน : ไม่ควรมีการย้ายที่ตั้งบ่อย ๆ และที่สำคัญบรรยากาศภายในคลินิกจะต้องมีความสะอาดถูกหลักอนามัย
- คลินิกมียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายรุ่น : เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละรุ่นจะเหมาะกับตำแหน่งที่ต่างกันออกไปเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวของแต่ละคน
- คลินิกมีการแจ้งราคาโปรโมชั่นที่ชัดเจน : จะต้องแจ้งราคาจริงไม่ควรมีการไปบวกเพิ่มหรือมีการเก็บค่าบริการอื่น ๆ เพิ่มภายหลังจากที่ตกลงกันไว้
รวมยี่ห้อฟิลเลอร์ แต่ละแบรนด์อยู่ได้นานแค่ไหน?
- Restylane (ประเทศสวีเดน)
เป็นยี่ห้อที่มีมานานมากกว่า 25 ปี มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตถึง 2 ตัวด้วยกันคือ NASHA techology และ OBT technology เนื้อฟิลเลอร์จึงมีความยืดหยุ่นสูง สามารถคงรูป คงตัวได้ดี และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 รุ่นด้วยกัน - Juvederm (ประเทศอเมริกา)
เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายทั่วโลก ผลิตขึ้นโดยบริษัท Allergan มีการใช้ 2 เทคโนโลยีสำคัญในการผลิตอย่าง Hylacross Technology และ Vycross Technology ฟิลเลอร์จึงสามารถอุ้มน้ำได้ดี ทำให้ฉีดง่าย คงรูปในผิวได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพปัจจุบันมีทั้งหมด 7 รุ่น - Belotero (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)
เป็นฟิลเลอร์ที่โดดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่นและมีเนื้อแน่น สามารถคงรูปได้ดีและเห็นผลได้นานและผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีเฉพาะอย่าง CPM (Cohesive Polydensified Matrix) และปัจจุบันมีทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน - Flore (ประเทศเกาหลี)
ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จัดเป็นฟิลเลอร์ประเภท Biphasic filler ที่ใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิตอย่าง HCCL™ Technology และ PP process ที่จะทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่คงรูปได้ดี ปั้นทรงได้ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและปัจจุบันมีทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน - Definisse (ประเทศอิตาลี)
ผลิตขึ้นโดย XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีขนาดโมเลกุลที่เท่ากัน ฉีดปั้นทรงได้ดี และเห็นผลได้นานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดอาการบวมหรืออาการแพ้หลังฉีดได้ดีอีกด้วย ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 รุ่นที่ผ่านอย.ไทย - Perfectha (ประเทศฝรั่งเศส)
ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ใช้เทคโนโลยีในการผลิตอย่าง E-Brid Technology ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น เนื้อสามารถยึดเกาะผิวได้ดี ฉีดแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างมากและเห็นผลได้นานหลายเดือน ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 รุ่น - Yvoire (ประเทศเกาหลี)
เป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ยี่ห้อเกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และผลิตขึ้นโดย HICE Technology เนื้อฟิลเลอร์จึงมีความยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วคงรูป คงตัวได้เป็นอย่างดี และให้ผลลัพธ์หลังฉีดที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 รุ่น - e.p.t.q. (ประเทศเกาหลี)
จัดเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อจากประเทศเกาหลีที่ฮิตอย่างมากในไทย ซึ่งมีจุดเด่นคือการใช้เทคโนโลยี 2CM หรือ Two Crosslinking Method Technology ในการผลิตจึงทำให้ได้สาร HA ที่มีความเข้มข้นถึง 24 mg./ml. ทำให้ฟิลเลอร์เห็นผลได้นานยิ่งขึ้น และเนื้อฟิลเลอร์สามารถคงรูปได้ดีปัจจุบันมีทั้งหมด 5 รุ่นแต่ผ่านอย.ไทยเพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้น - Neuramis (ประเทศเกาหลี)
ยกให้เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์เกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เนื่องจากว่าเห็นผลลัพธ์ได้ดีและมีราคาที่ถูก ซึ่งฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จะใช้ SHAPE technology ในการผลิตจึงเหมาะกับการฉีดแก้ริ้วรอย ร่องลึกได้ดีมาก ๆ ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 รุ่นแต่ผ่านอย.ไทยเพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้น - Revanesse (ประเทศแคนาดา)
ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตอย่าง Thixofix cross-linking technology เนื้อฟิลเลอร์จึงมีความละเอียดฉีดแล้วจึงให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 รุ่นแต่ผ่านอย.ไทยเพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้น
รีวิวฉีดฟิลเลอร์
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร และกรณีไหนควรฉีด?
การฉีดสลายฟิลเลอร์คือการฉีดสารเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase หรือ HYAL) ที่มีหน้าที่ในการสลายฟิลเลอร์ในชั้นผิวทำให้ผิวกลับสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งมักจะใช้ฉีดในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่พึงพอใจผลลัพธ์, ฉีดแล้วเป็นก้อน หรือฉีดแล้วเกิดปัญหาหน้าแข็งไม่ละมุน ดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่การฉีดสลายฟิลเลอร์นั้นจะสามารถฉีดได้แค่เฉพาะกับการฉีดด้วยฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันถึงจะเริ่มเข้าที่ ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ในคนไข้บางรายอาจจะเกิดอาการบวมขึ้นเล็กน้อย และอาการบวมจะยุบลงภายใน 7-14 วันซึ่งจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์เข้าที่หลังฉีดไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน กี่เดือน?
การเห็นผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์นั้นจะเห็นผลได้ประมาณ 4-24 เดือนขึ้นอยู่กับแต่ยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกฉีด ซึ่งยิ่งฉีดรุ่นที่มีเนื้อแข็งก็จะยิ่งเห็นผลได้นานกว่าเนื้อเหลว
ฟิลเลอร์ 1 cc สามารถใช้ฉีดในตำแหน่งใดได้บ้าง?
สำหรับปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc นั้นสามารถใช้ฉีดแก้ปัญหาผิวได้หลายตำแหน่งด้วยกัน เช่น ปาก ใต้ตา ร่องแก้ม แก้มส้ม และคางเป็นต้น
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว สามารถรักษาปัญหาหลุมสิวได้จริงหรือไม่?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถรักษาปัญหาหลุมสิวได้จริง แต่จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาหลุมสิวไม่เยอะมาก และเป็นหลุมสิวประเภทหลุมสิวระดับทั่วไป (Rolling scar), หลุมสิวระดับปานกลาง (Box Scar)
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน? เกิดจากอะไร ? แก้ยังไงดี
ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์ในผิวที่ตื้นเกินไป หรือการใช้เนื้อฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง ซึ่งมักเกิดขึ้นกับการฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ ซึ่งวิธีการแก้ไขก็คือการฉีดสลายฟิลเลอร์นั่นเอง
หลังฟิลเลอร์สลายหมด สามารถเปลี่ยนยี่ห้อได้ไหม?
สามารถเปลี่ยนได้ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะต่างกับการฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อบ่อย ๆ เพราะจะทำให้ดื้อยา ส่วนการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะไม่มีปัญหาเรื่องการดื้อยา
จะฉีดเพิ่มฟิลเลอร์เพิ่มต้องรอให้ฟิลเลอร์เดิมหมดฤทธิ์ก่อนหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องรอให้ฟิลเลอร์เดิมสลายหากจะฉีดซ้ำด้วยฟิลเลอร์ยี่ห้อและรุ่นเดิม แต่หากจะเป็นการเปลี่ยนยี่ห้อควรรอให้ฟิลเลอร์เดิมสลายให้หมดก่อน เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีเนื้อไม่เหมือนกันทำให้ฉีดแล้วเนื้อไม่กลืนกัน
เติมไขมันกับฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร? เลือกอันไหนดี?
ทั้ง 2 หัตถการนั้นต่างกันหลัก ๆ ในเรื่องของตัวสารที่ใช้ฉีดโดยการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค เอซิดส่วนการฉีดไขมันจะเป็นการฉีดเติมผิวด้วยไขมันของคนไข้เอง ที่จะต้องผ่านกระบวนการดูดไขมันส่วนเกินออกมาแล้วนำไปปั่นคัดแยกไขมันดีเสียก่อนจึงจะสามารถนำมาฉีดได้ แต่หากจะให้หมอแนะนำว่าควรเลือกอันไหนหมอส่วนใหญ่ก็จะแนะนำการฉีดฟิลเลอร์มากกว่า เพราะไม่ต้องเจ็บตัวซ้ำซ้อนและมีราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ทำให้เป็นสิวจริงหรือไม่?
ในกรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้แต่มีโอกาสเกิดที่น้อยมาก ๆ และสาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการแพ้สารฟิลเลอร์นั่นเอง ซึ่งหากพบว่ามีอาการดังกล่าวให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันที
ถ้าฟิลเลอร์สลายหมดแล้วจะทำให้หน้าดูแก่ลงจริงไหม ?
เมื่อฟิลเลอร์สลายหมดจะทำให้ผิวกลับสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนฉีด ซึ่งจะไม่ได้ทำให้ใบหน้าดูแก่มากขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด ทั้งยังมีส่วนช่วยในการช่วยชะลออายุของผิวได้ดีอีกด้วย
ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไรบ้าง ?
ทั้ง 2 หัตถการต่างกันอย่างมากทั้งในตัวสารที่ใช้ฉีดและตัวหลักการทำงานในชั้นผิว ดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ : เป็นสารเติมเต็มผิวประเภทไฮยาลูรอนิค เอซิด ช่วยเติมผิวให้เต็ม เอิบอิ่มและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น เติมริ้วรอย ร่องลึกและฉีดปรับรูปหน้าได้ดี
- การฉีดโบท็อกซ์ : เป็นการฉีดสาร Botulinum Toxin ที่จะทำงานรบกวนระบบประสาทส่วนควบคุมกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวริ้วรอย ร่องลึกจึงจางลง และช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์กับการฉีดไฮยา เหมือนกันไหม ?
จริงแล้ว ๆ ตัวฟิลเลอร์คือการสารไฮยาลูรอนิค เอซิดหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าไฮยา แต่คำว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นชื่อเรียกทางการค้า ซึ่งก็จะแล้วแต่คลินิกเลยว่าจะเรียกว่าการฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดไฮยาแต่ความจริงแล้วทั้ง 2 ก็คือหัตถการเดียวกัน
หมอสรุปให้
การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มผิวประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่สกัดขึ้นมาจากธรรมชาติ ที่มีจุดเด่นในเรื่องของเติมเต็มชั้นผิวให้มีความเรียบเนียน ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก ช่วยปรับรูปหน้าให้มีความอวบอิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายในระยะยาวและยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ซึ่งปัจจุบันเทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้มีไว้แค่ช่วยปรับแก้ปัญหาผิวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ในการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าตามเทรนด์ความงามได้อีกด้วย เช่น การฉีดเติมสันจมูก การฉีดปากให้อวบอิ่มขึ้น หรือฉีดยกกระชับผิวเป็นต้น
สอบถามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับหัตถการความงามเพิ่มเติมหรือติดต่อเพื่อสำรองคิวกับทางคลินิกสามารถติดต่อได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขา หรือทาง Line : @gangnamclinic