โบท็อกซ์กรามตัวช่วยการแก้ปัญหากรามใหญ่โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้รูปหน้ามีความเข้ารูป หน้าเรียวเล็กขึ้น และยังช่วยปรับผิวส่วนกรอบหน้าให้มีความกระชับได้อีกด้วย นี่จึงส่งผลทำให้การฉีดโบท็อกซ์กรามกลายเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ดังนั้นในบทความนี้หมอเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการฉีดโบท็อกซ์กรามกันให้มากขึ้นว่าดียังไง เหมาะกับใครและเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์กรามหรือไม่
โบท็อกซ์ลดกราม คืออะไร?

โบท็อกลดกราม คือ หัตถการตัวช่วยปรับลดขนาดของกล้ามเนื้อส่วนกรามด้วยการฉีดตัวสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เข้าไปยังส่วนของกล้ามเนื้อเพื่อให้ตัวยาเข้าไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่งผลทำให้กล้ามเนื้อกรามมีการทำงานที่ลดลง ขนาดของกรามจึงมีความเรียวเล็กมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ช่วยอะไรบ้าง
- ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกรามให้เล็กลงชั่วคราว
- ช่วยปรับรูปหน้ามีความเรียวเล็ก และเข้ารูปมากยิ่งขึ้น
- ช่วยปรับยกกระชับผิวส่วนกรอบหน้าให้มีความเต่งตึงขึ้น
- ช่วยปรับกรอบหน้าให้คมชัดมากยิ่งขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาการนอนกัดฟัน
โบท็อกซ์ลดกราม อยู่ได้นานแค่ไหน? กี่เดือน?

ในการฉีดโบท็อกซ์กรามแต่ละครั้งนั้นจะสามารถเห็นผลได้ประมาณ 5-6 เดือนทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ฉีด การดูแลตัวเองหลังทำ การฉีดอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ชอบทานอาหารที่เคี้ยวยาก ๆ หรือเคี้ยวข้าวหนัก ๆ หรือไม่
ฉีดโบท็อกซ์กราม อย่างไรให้ได้ผล ต้องเช็คอะไรบ้าง?

สำหรับการจะฉีดโบท็อกซ์กรามให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นจะต้องเช็คอยู่ 3 อย่างหลัก ๆ ดังนี้
1.การประเมินว่าเราเหมาะกับการโบท็อกซ์กรามไหม
แน่นอนว่าคนที่มีปัญหาหน้าใหญ่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์กราม ซึ่งคนที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นจะต้องมีปัญหารูปหน้าใหญ่จากการมีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่โดยสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยการกัดฟันแล้วจับส่วนกรามถ้ารู้สึกถึงแรงดันของกล้ามเนื้อกรามก็จะถือว่าเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์กรามนั่นเอง
2.การตรวจสอบตัวยาโบท็อกซ์กรามที่ใช้ฉีด
โดยจะต้องเป็นตัวยาของแท้ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย. จึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าฉีดแล้วเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังทำอย่างแน่นอน
3.การตรวจสอบแพทย์ผู้ฉีด
เป็นอีกหนึ่งข้อควรตรวจสอบอย่างยิ่งเพราะการฉีดโบท็อกซ์กรามจะต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ที่สูงเนื่องจากจะต้องคำนวณปริมาณตัวยาให้เหมาะสมกับปัญหาและจะต้องฉีดลงในตำแหน่งที่ถูกต้องถึงจะปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ดี
ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามกี่วันถึงจะเริ่มเห็นผล
หลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์กรามไปแล้วคนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ทำไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์เป็นต้นไปและจะเห็นผลแบบสมบูรณ์ที่สุดหลังทำไปแล้วประมาณ 2-3 เดือนนั่นเอง
ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่และอยากลดขนาดกล้ามเนื้อโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความเรียววีเชฟมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับผิวส่วนกรอบหน้าให้กระชับ เต่งตึง
- ผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้คมชัด สร้างวีไลน์
- ผู้ที่ต้องการรักษาอาการนอนกัดฟัน
โบท็อกซ์ลดกรามเลือกยี่ห้อไหนดี

ก็ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบันเราได้มียี่ห้อโบท็อกซ์กรามให้เลือกกันอย่างมากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน โดยแต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างหลัก ๆ ในเรื่องของความบริสุทธิ์ของตัวยาและระยะเวลาการเห็นผล ดังนี้
ยี่ห้อ | รายละเอียด | สัญชาติ |
NABOTA | เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในไทย เพราะมีราคาที่ใคร ๆ ก็สามารถเอื้อมถึงได้ นอกจากนั้นตัวยายังมีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3-4 เดือน | เกาหลี |
ALLERGAN | ตัวยามีค่าความบริสุทธิ์สูงมากถึง 99.5% เด่นในเรื่องของการช่วยลดปัญหาการดื้อยา และช่วยลดอาการแพ้ระคายเคืองหลังฉีดได้เป็นอย่างดี และเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 5-8 เดือน | อเมริกา |
XEOMIN | เป็นยี่ห้อที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความบริสุทธิ์ของตัวยาที่สูง จึงช่วยลดโอกาสดื้อโบท็อกซ์ได้ดี นอกจากนั้นยังสามารถใช้ได้กับคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องดื้อยาได้บางเคสอีกด้วย เห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3-6 เดือน | เยอรมัน |
HUGEL | ยี่ห้อนี้ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ดี ทำให้หน้าไม่แข็ง เห็นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ เพราะตัวยามีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% สามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3-4 เดือน | เกาหลี |
BOTULAX | เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ให้ผลลัพธ์หลังฉีดที่สวยเป็นธรรมชาติ โดยยี่ห้อนี้ได้มีการเลือกใช้ยี่ห้อ ALLERGAN มาเป็นต้นแบบในการผลิตตัวยาแต่มาในราคาที่ย่อมเยากว่า สามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3-4 เดือน | เกาหลี |
DYSPORT | เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ตัวยามีค่าความบริสุทธิ์และตัวยามีขนาดโมเลกุลที่เล็กทำให้สามารถกระจายตัวได้ดีในกล้ามเนื้อ โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 3-8 เดือน | อังกฤษ |
AESTOX | จุดเด่นของยี่ห้อคือตัวยาที่มีค่าความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ทำให้เห็นได้ไว ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ช่วยโอกาสดื้อยาได้ดีและมีราคาที่จับต้องได้ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 2-4 เดือน | เกาหลี |
ฉีดโบท็อกซ์กราม ตอนฉีดเจ็บไหม
ในระหว่างที่แพทย์ฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นคนไข้มีต้องกังวลเรื่องความเจ็บเลย เพราะแพทย์จะใช้เทคนิคการประคบเย็นที่ผิวเพื่อทำให้ผิวรู้สึกชาก่อนแล้วจึงค่อย ๆ ลงเข็มฉีดยาตามแผนการรักษา แต่ในคนไข้บางอาจจะรู้สึกถึงความเจ็บได้เล็กน้อยคล้ายกับการฉีดยาทั่วไป
โบท็อกซ์กราม ควรฉีดกี่ยูนิต

ในส่วนของปริมาณตัวยาที่จะต้องใช้ในการฉีดแต่ละครั้งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 20-30 ยูนิตต่อข้าง แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผู้ฉีดอีกทีว่าคนไข้แต่ละคนมีปัญหาและการต้องการผลลัพธ์มากน้อยเพียงใดเพื่อเป็นองค์ประกอบในการคำนวณปริมาณตัวยาที่ใช้ในแต่ละครั้งนั่นเอง
ใครบ้างไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าใหญ่ แก้มใหญ่ที่มีสาเหตุมาจากการมีไขมันสะสมที่เยอะ
- ผู้ที่มีปัญหารูปหน้าใหญ่จากการมีกระดูกโครงหน้าที่ใหญ่
- ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงการให้นมบุตร
ข้อแนะนำการเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกลดกราม
- งดการทานยาและอาหารเสริมกลุ่ม NSAIDS, Brufen, Naproxen, วิตามินอี, แป๊ะก๊วย, กิงโก๊ะ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดการขัดผิวหน้าก่อนทำอย่างน้อย 1-2 วันเพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ
การดูแลตนเองหลังจากทำ

- หลังฉีด 30 นาทีควรรีบขยับกล้ามเนื้อกรามเพื่อให้ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ดี
- งดการนอนราบหรือการนอนที่ศีรษะต่ำกว่าระดับหน้าอกหลังทำเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
- งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังทำเพราะจะไปกระตุ้นอาการบวม
- หลังทำหากมีอาการปวดหรือบวมผิวสามารถใช้การประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้
- เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวต้องสัมผัสความร้อน เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ เพราะจะทำให้ตัวยาสลายได้ไวมากยิ่งขึ้น
- งดการทำทรีตเมนต์ผิวที่ต้องใช้ความร้อน เช่น เลเซอร์ เครื่องยกกระชับผิว อย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ
ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิด มีอะไรบ้าง?
- อาการบวม
- อาการปวดตึงผิว
- อาการผิวช้ำ เกิดรอยเข็ม
ซึ่งถือเป็นอาการผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และอาการดังกล่าวจะสามารถหายไปได้เองภายใน 7 วัน แต่ทั้งนี้หากพบว่ามีอาการที่ผิดปกติเช่น ปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด กล้ามเนื้ออ่อนแรง หน้าแข็ง ให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและรับการรักษาโดยด่วนที่สุด
นอกจากโบท็อกซ์ลดกราม มีวิธีใดบ้าง ที่ช่วยทำให้หน้าเรียว
ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างมากมายหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
- การฉีดเมโสแฟต : เป็นวิธีการฉีดตัวยาเข้าไปเพื่อสลายไขมันส่วนเกินในชั้นผิวให้เกิดการแตกตัวและสลายหายไป ส่งผลทำให้ใบหน้ามีความเรียวเข้ารูปมากยิ่งขึ้นเหมาะมากกับคนที่มีไขมันเยอะ
- การร้อยไหม : จะใช้วิธีการสอดเส้นไหมเข้าไปในชั้นผิวแล้วทำการดึงผิวให้มีความยกกระชับมากยิ่งขึ้น ส่วนกรอบหน้าจึงมีความเรียว วีเชฟมากขึ้นตามไปด้วย วิธีนี้จะเหมาะมากกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- การฉีดฟิลเลอร์ : จะเป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในผิวเพื่อทำให้ผิวเต็มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีรูปคางสั้นโดยการฉีดฟิลเลอร์เติมที่คางนั้นจะช่วยทำให้รูปหน้ามีความเรียวเล็กหรือเรียวยาวมากขึ้นนั่นเอง
- การใช้เครื่องยกกระชับผิว : ไม่ว่าจะเป็น Hifu, Ulthera, Thermage นั้นจะเป็นการยิงส่งพลังงานลงไปชั้นผิวเพื่อไปกระตุ้นทำให้ผิวมีความยกกระชับ เต่งตึงขึ้นช่วยปรับกรอบหน้าให้เรียวเข้ารูปมากขึ้นอีกด้วย
- การผ่าตัดศัลยกรรม : คือการผ่าตัดเพื่อปรับโครงใบหน้าตามปัญหาของแต่ละคน เช่น การผ่าตัดขยับขากรรไกร การผ่าตัดเหล่ากระดูกคาง การผ่าตัดเหลากรามเป็นต้น
ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์กราม
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์แบบถาวรได้
- หากไม่ฉีดต่อเนื่องจะยิ่งทำให้ในการฉีดแต่ละครั้งต้องเพิ่มจำนวนยาให้มากขึ้น เสี่ยงต่อการดื้อยา
- ไม่เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนยี่ห้อที่ใช้ฉีดบ่อย ๆ
ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามอันตรายหรือไม่ ?
การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามนั้นถือว่าไม่มีความอันตรายใด ๆ เลยเนื่องจากว่าตัวยาที่มีขายในท้องตลาดตอนนี้ล้วนเป็นตัวยาที่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจากอย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อก็ต่างมีงานวิจัยเข้ามารองรับกันอีกหลายฉบับอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก่อนฉีดก็ควรทำการตรวจสอบทุกครั้งว่าตัวยาที่ใช้เป็นของแท้ที่ได้มาตรฐานของอย.หรือไม่
วิธีตรวจสอบ โบท็อกซ์แท้และปลอม?

- กล่องจะต้องไม่มีรอยแกะหรือเปิดการใช้งานมาก่อนรวมไปถึงตัวขวดยาก็จะต้องไม่มีร่องรอยการเปิดการใช้งานมาก่อน
- ภายในกล่องมีฉลากภาษาไทยอยู่จะมีการระบุเลขอย.
- มีสติ๊กเกอร์คิวอาร์โค้ดติดอยู่ที่เราจะสามารถสแกนไปยังหน้าเว็บไซต์ของทางบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้
ดังนั้นก่อนฉีดโดยส่วนใหญ่คลินิกที่ได้มาตรฐานจะมีการเปิดกล่องให้คนไข้ดูและทำการตรวจสอบก่อนฉีดทุกครั้ง หรือเลือกรับบริการกับทางกังนัมคลินิกมั่นใจได้เลยว่าจะได้ฉีดด้วยโบท็อกซ์ของแท้ที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน
ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ราคาเท่าไหร่
โดยส่วนใหญ่แล้วราคาค่าฉีดโบท็อกซ์ลดกรามนั้นจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับยี่ห้อและจำนวนยูนิต เนื่องจากว่าปัจจุบันได้มีบางคลินิกที่ได้มีการจัดโปรโมชั่นแบ่งขายตามยูนิตนั่นเอง ซึ่งราคาโปรโมชั่นของกังนัมคลินิกมีดังนี้
- Allergen 100 ยูนิต ราคา 18,000 บาท
- Dysport 120 ยูนิต ราคา 15,696 บาท
- Xeomin 100 ยูนิต ราคา 12,323 บาท
- Nabota 100 ยูนิต ราคา 5,966 บาท
- Aestox 50 ยูนิต ราคา 3,696 บาท
แนะนำ! ข้อพิจารณาเลือก ฉีดโบท็อกลดกราม ที่ไหนดี ?
การเลือกคลินิกสำหรับเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามนั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะส่งผลต่อผลลัพธ์หลังทำแล้วยังส่งผลต่อความปลอดภัยของตัวคนไข้ด้วย โดยควรเลือกพิจารณาดังนี้
- คลินิกเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย : โดยมีการขออนุญาตการเปิดกิจการกับทางกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบและกฎหมายของไทย
- คลินิกมีแพทย์ประจำคลินิก : และจะต้องให้แพทย์เป็นผู้ฉีดทำหัตถการให้เท่านั้น และแพทย์ทุกคนจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพที่ออกโดยแพทย์สภา
- คลินิกมีการเปิดขวดตัวยาให้ดูต่อหน้า : พร้อมกับให้เวลาลูกค้าในการตรวจสอบตัวยาว่าเป็นของแท้หรือไม่
- คลินิกมีการแจ้งราคาที่ชัดเจน : เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสตัดสินใจก่อนทำและไม่ควรมีการคิดค่าบริการเพิ่มภายหลัง
- คลินิกมีที่ตั้งชัดเจน : ไม่ควรมีการย้ายหรือเปลี่ยนที่อยู่บ่อยเพื่อความสะดวกในการติดต่อ และไม่มีการให้บริการฉีดนอกสถานที่
รีวิว ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
คำถามที่พบบ่อย
ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามกี่ครั้งเห็นผล?
การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามนั้นสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณตัวยาโบท็อกซ์ที่ใช้รวมไปถึงประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีดอีกด้วย
โบท็อกซ์กราม กับ ลิฟกรอบหน้า ต่างกันยังไง
ต่างกันหลัก ๆ ในเรื่องของตำแหน่งที่ใช้ในการฉีดรวมไปถึงการเห็นผลลัพธ์โดยการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามนั้นจะเน้นการฉีดเพื่อทำให้กล้ามเนื้อกรามหดตัวลงทำให้หน้าเรียว ส่วนโบลิฟกรอบหน้านั้นจะเน้นเก็บผิวที่หย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัดมากยิ่งขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามทำให้หน้าเรียวได้ จริงหรือไม่ ?
สามารถช่วยทำให้หน้าเรียวได้จริง และยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ดีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคนไข้เหมาะกับการฉีกโบท็อกซ์ลดกรามมากแค่ไหน เพราะหากหน้าใหญ่จากกระดูกหรือไขมันก็จะไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
ทำไม! ฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วยิ้มไม่สุดเกิดจากอะไร? แก้อย่างไรดี?
เกิดจากการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามผิดตำแหน่งหรือตัวยากระจายไปผิดจุด หรือเกิดขึ้นจากการใช้ปริมาณโบท็อกซ์ที่มากเกินไป สามารถใช้ความร้อนในการช่วยทำให้ตัวยาสลายตัวไวขึ้นนั่นเอง
ฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วแก้มห้อย แก้มตอบ เกิดจากอะไร? แก้ไขอย่างไรดี?
อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะกล้ามเนื้อกรามหดตัวลงทำให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง ซึ่งวิธีการรักษาคือการแนะนำให้ฉีดโบลิฟกรอบหน้าหรือใช้เครื่องยกกระชับผิวร่วมด้วย
ฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วมีก้อนปูด เกิดจากอะไร? ควรแก้ไขอย่างไรดี?
อาการนี้จะเกิดขึ้นกับคนไข้ที่มีพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อกรามที่มาก เช่น การนอนกัดฟัน การชอบเคี้ยวอาหารเหนียวหรือแข็งเป็นต้น แต่อาการดังกล่าวจะสามารถหายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์
โบท็อกลดกราม กับ ร้อยไหมหน้าเรียว และ เมโสแฟต ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไรบ้าง?
ทั้ง 3 หัตถการจะให้ผลลัพธ์ในเรื่องของหน้าเรียวเล็กที่เหมือนกัน แต่จะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เช่น
- โบท็อกซ์ลดกราม เหมาะกับคนกรามใหญ่ อยากลดขนาดกราม
- ร้อยไหม เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย
- เมโสแฟต เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะ
ทำไม! เหนียงเยอะขึ้น หลังจากฉีดโบท็อกลดกราม เกิดจากอะไร?
อาการนี้จะเกิดขึ้นเพราะว่าเมื่อฉีดโบท็อกซ์ลดกรามไปแล้วกล้ามเนื้อกรามก็จะหดตัวลงทำให้ผิวไปกองส่วนใต้คอที่มากขึ้นจนกลายเป็นเหนียง ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบลิฟกรอบหน้าหรือการฉีดเมโสแฟตร่วมด้วย
สาเหตุฉีดโบท็อกแล้วหน้าตึงเกิดจากอะไร? ทำอย่างไรดี?
อาการหน้าตึงหลังฉีดโบท็อกซ์นั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากการใช้ปริมาณตัวยาที่เยอะมากเกินไปจนทำให้ไม่สามารถแสดงสีหน้าได้ วิธีแก้ไขคือการประคบร้อนหรือรอจนตัวยาเริ่มสลายตัวนั่นเอง แต่ทั้งนี้หากพบว่ามีอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
ฉีดโบท็อกลดกรามแล้วมีอาการปากเบี้ยว เกิดจากอะไร ?
อาการนี้จะเกิดขึ้นจากการฉีดตัวยาไปโดยกล้ามเนื้อส่วนมุมปากอย่าง Risorius หรือ Zygomatic ทำให้เกิดอาการปากเบี้ยวขึ้นซึ่งหากมีอาการเช่นนี้ให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน
หมอสรุปให้
การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามคือวิธีการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวเข้ารูปมากยิ่งขึ้น ด้วยการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์ในการทำให้กล้ามเนื้อกรามเกิดการหดตัวลงชั่วคราวส่งผลทำให้ใบหน้าเรียว หน้าวีเชฟ และทำให้กรอบหน้าคมชัดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อจะมีอายุการเห็นผลที่แตกต่างกันแต่ทุกยี่ห้อล้วนให้ผลลัพธ์ที่ดีพอ ๆ กันนั่นเอง
สอบถามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับหัตถการความงามเพิ่มเติมหรือติดต่อเพื่อสำรองคิวกับทางคลินิกสามารถติดต่อได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาหรือทาง Line : @gangnamclinic