ฟิลเลอร์ Juvederm คือ ฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่ได้รับความนิยมระดับโลก ใช้สำหรับเติมเต็มริ้วรอย ปรับรูปหน้า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่หลากหลาย ทำให้ Juvederm มีหลายรุ่นที่เหมาะกับการฉีดในแต่ละบริเวณของใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุดและดูเป็นธรรมชาติ
อยากรู้ไหมว่า Juvederm แต่ละรุ่นแตกต่างกันอย่างไร? แล้วสามารถช่วยให้ใบหน้าของคุณดูดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง? หมอจะพาไปหาคำตอบในบทความนี้ค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร?
Juvederm คือ ฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่ทำจากสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเราเอง เรียกว่า กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ฟิลเลอร์ Juvederm ผลิตโดยบริษัท Allergan ในสหรัฐอเมริกา และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากทั้ง อย. สหรัฐฯ และ อย. ไทย ทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน
ซึ่ง Juvederm ถูกนำมาใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มผิวหนังชั้นใต้ผิว เพิ่มปริมาตรให้ผิว ยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ค่ะ ทั้งร่องลึกและริ้วรอยตื้น เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา รวมถึงใช้เติมเต็มบริเวณริมฝีปาก ขมับ และคาง นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงให้ผิวดูเรียบเนียน อิ่มน้ำ และอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
หลักการทำงานฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm ช่วยให้ผิวดูเต็มอิ่มและกระชับขึ้นได้โดยการฉีดสารที่เรียกว่า กรดไฮยาลูโรนิก เข้าไปในผิว ซึ่ง Juvederm มีเทคโนโลยี 2 แบบ ดังนี้ค่ะ
- เทคโนโลยี Hylacross เป็นเทคโนโลยีเดิมที่ช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี ทำให้เนื้อฟู นุ่ม และยืดหยุ่น เหมาะสำหรับบริเวณที่ขยับบ่อย เช่น ร่องแก้มและริมฝีปาก
- เทคโนโลยี Vycross เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ฟิลเลอร์ยกกระชับผิวได้ดีขึ้น เกาะผิวได้แน่นขึ้น บวมน้อยลง ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปีค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับและปรับรูปหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ Juvederm มีทั้งหมดกี่ชนิด อะไรบ้าง?

Juvederm รุ่น Volite
Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียดมากค่ะ เน้นไปที่การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับฉีดในบริเวณที่ต้องการความละเอียด เช่น ใต้ตา มือ หรือผิวชั้นตื้น ๆ เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเล็กน้อยและทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ
Juvederm รุ่น Volux
Juvederm Volux เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อค่อนข้างแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถคงรูปได้ดี จึงเหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่ต้องการปั้นทรงให้ชัดเจน เช่น คาง ใต้ตา ขมับ และร่องแก้มที่ลึกมาก ๆ ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้นค่ะ
Juvederm รุ่น Voluma
Juvederm Voluma เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่นและมีความฟูในระดับปานกลางค่ะ แต่ก็ยังคงความยืดหยุ่นได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดในหลายบริเวณ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม คาง และขมับ เพื่อช่วยยกกระชับผิวและเติมเต็มให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบขึ้น
Juvederm รุ่น Ultra XC
Juvederm Ultra XC เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่มและเรียบเนียน สามารถอุ้มน้ำได้ดีค่ะ ทำให้ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ หมอจึงแนะนำว่าเหมาะแก่การแก้ไขริ้วรอยที่ไม่ลึกมากนัก และยังสามารถนำมาเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มได้อีกด้วยค่ะ
Juvederm รุ่น Ultra Plus XC
Juvederm Ultra Plus XC เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่มและมีความฟูมากเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับแก้ไขร่องลึกบนใบหน้าค่ะ เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และยังช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มและโดดเด่นขึ้น
Juvederm รุ่น Volbella
Juvederm Volbella เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็กและละเอียดมาก เหมาะสำหรับการฉีดเติมในบริเวณที่ต้องการความเรียบเนียนเป็นพิเศษและดูเป็นธรรมชาติค่ะ เช่น หน้าผาก ริมฝีปาก หรือร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
Juvederm รุ่น Volift
Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่มและมีความละเอียดกว่ารุ่น Ultra Plus เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง และมักใช้ฉีดในบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก และริ้วรอยตื้น ๆ เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
ข้อดีและจุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm

- ฉีดแล้วไม่ค่อยเจ็บ มีส่วนผสมของยาชา ทำให้รู้สึกสบายตอนฉีด
- ผิวสวย เนียน ดูเป็นธรรมชาติ เนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นดี อุ้มน้ำได้ดี ไม่บวมเยอะ และทนทานต่อการขยับของผิว
- มีให้เลือกเยอะ มีหลายรุ่นให้เลือกใช้กับส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ปาก ใต้ตา หรือช่วยให้หน้ากระชับค่
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน อยู่ได้นาน 8 เดือนถึง 2 ปี แล้วแต่รุ่นและบริเวณที่ฉีดค่ะ
- หมอปั้นง่าย ได้ทรงสวย เนื้อเจลคงตัวดี ทำให้หมอฉีดง่าย ควบคุมได้แม่นยำ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง
ข้อเสียและจุดด้อยฟิลเลอร์ Juvederm
- ราคาอาจจะสูงกว่ายี่ห้ออื่น เพราะเป็นฟิลเลอร์คุณภาพดีและมีเทคโนโลยีพิเศษ
- ต้องฉีดซ้ำ ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องกลับมาฉีดใหม่เพื่อคงความสวย
- อาจมีอาการข้างเคียงบ้าง เช่น บวม แดง ช้ำ หรือแพ้ แต่โอกาสเกิดน้อยเพราะเนื้อฟิลเลอร์เนียนและเกาะผิวดีค่ะ
- ต้องฉีดกับหมอผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
Juvederm 1 กล่องมีกี่ cc ?
ปกติแล้วฟิลเลอร์ Juvederm 1 กล่อง จะมี 1 หลอด ปริมาณ 1 ซีซี (1 cc) แต่ก็มีบางรุ่นหรือบางแพ็กเกจที่ 1 กล่องมี 2 หลอด รวมเป็น 2 ซีซี (2 cc) ดังนั้น จำนวนซีซีใน 1 กล่อง จะขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์และคลินิกที่ซื้อค่ะ
Juvederm กับ Restylane และ Neuramis ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกฉีดตัวไหนดี?
Juvederm, Restylane และ Neuramis เป็นฟิลเลอร์ยอดนิยมที่ใช้เติมเต็มและปรับรูปหน้า แต่มีความแตกต่างกันในด้านเนื้อฟิลเลอร์ เทคโนโลยี และความคงตัว ซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนค่ะ
หมอแนะนำว่าการเลือกฟิลเลอร์ควรพิจารณาจากผลลัพธ์ที่ต้องการและงบประมาณ หากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและยกกระชับหลายจุด Juvederm เหมาะสมที่สุดค่ะ ส่วน Restylane มีหลายรุ่นและเนื้อแน่นเหมาะเติมบางจุดและลิฟท์ผิว Neuramis ราคาประหยัดแต่ระยะเวลาสั้นกว่าและอาจเจ็บกว่าค่ะ ทั้งนี้ การปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกฟิลเลอร์ที่ตรงกับสภาพผิวและความต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
Juvederm ฟิลเลอร์ เหมาะกับใครบ้าง?

- ผู้ที่มีร่องลึกบนใบหน้า ที่เกิดจากอายุมากขึ้น เช่น ร่องแก้มลึก
- คนที่อยากให้หน้าดูเข้ารูปและอ่อนกว่าวัย เช่น เติมคางให้ยาวขึ้น หรือเติมแก้มให้อิ่ม
- ใครที่มีผิวไม่เรียบเนียน เช่น ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง หรือมีรอยหลุมสิวเล็กน้อย
- คนที่กลัวการผ่าตัด ไม่ชอบมีแผล และไม่อยากพักฟื้นนาน
- ผู้ที่อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว หลังฉีดก็เห็นความเปลี่ยนแปลงได้เลยค่ะ
- ผู้ที่อยากใช้ฟิลเลอร์ดี ๆ มีคุณภาพ จากบริษัทดังระดับโลก
- คนที่อยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไม่ต้องไปฉีดบ่อย ๆ (อยู่ได้ 8-24 เดือน แล้วแต่รุ่นที่ใช้และการดูแลตัวเอง)
ใครไม่เหมาะกับ Juvederm ฟิลเลอร์?
- ผู้ที่เคยแพ้ฟิลเลอร์ หรือแพ้สารไฮยาลูโรนิกที่เป็นส่วนประกอบหลัก
- คนที่มีผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อ ในบริเวณที่จะฉีด
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมลูก ควรเว้นไปก่อน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ที่คุณหมออาจจะยังไม่แนะนำให้ฉีด
- คนที่อยากให้สวยแบบถาวร ไม่ต้องการฉีดซ้ำ เพราะฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดบริเวณใดได้บ้าง?
- ใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาดูสดใส ไม่คล้ำ ไม่โทรม (รุ่น Volite, Voluma, Volux)
- ร่องแก้ม เติมร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น หน้าดูเด็กลง (รุ่น Ultra Plus, Voluma, Volift, Volux)
- แก้มตอบ ทำให้แก้มดูอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวล (รุ่น Volift)
- คาง ปรับให้คางดูยาว เรียว ได้รูป (รุ่น Voluma, Volux)
- ขมับ เติมให้ขมับที่ยุบลงดูเต็มขึ้น (รุ่น Ultra Plus, Voluma, Volux)
- หน้าผาก ช่วยให้หน้าผากดูเรียบเนียน (รุ่น Volbella)
- ริมฝีปาก เติมให้ปากอวบอิ่ม สวยได้รูป (รุ่น Ultra Plus, Voluma, Volift, Volite)
- มุมปาก ยกมุมปากที่ตกให้ดูสดใสขึ้น (รุ่น Volift)
- กรอบหน้า ช่วยให้กรอบหน้าคมชัด ดูมีมิติ (รุ่น Voluma, Volux)
- มือ เติมให้มือที่เหี่ยว ดูอิ่มขึ้น (รุ่น Volite)
ผลลัพธ์ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้นานแค่ไหน? กี่เดือน?
โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 8 เดือน ถึง 2 ปีค่ะ
- รุ่น Volite อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
- รุ่น Volift อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
- รุ่น Voluma อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- รุ่น Volux อยู่ได้นานสุด ประมาณ 2 ปี
การเตรียมตัวก่อนฉีด
- งดยาและอาหารเสริม ที่ทำให้เลือดหยุดยาก เช่น แอสไพริน ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs วิตามินอี น้ำมันปลา โสม ใบแปะก๊วย ล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์
- พักการใช้สกินแคร์ผลัดผิว พวกเรตินอยด์, กรดไกลโคลิก, AHA, BHA อย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 วัน ก่อนฉีด
- เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกเยอะ ๆ เช่น ออกกำลังกายหนัก ซาวน่า อย่างน้อย 1 วัน ก่อนฉีด
- อย่าเพิ่งนวดหน้า เลเซอร์ หรือแว็กซ์ผิว บริเวณที่จะฉีดอย่างน้อย 3 วันก่อน
- บอกคุณหมอให้หมด ว่ามีโรคประจำตัวอะไร แพ้ยาอะไรบ้าง
- วันที่จะไปฉีด ไม่ต้องแต่งหน้า เพื่อความสะอาด ลดโอกาสติดเชื้อ
ข้อแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีด

- อย่าเพิ่งไปนวด จับ หรือถู บริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 3 วัน กลัวฟิลเลอร์จะเคลื่อนที่
- งดออกกำลังกายหนัก ๆ เข้าซาวน่า หรือทำอะไรที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 1-2 วัน
- เลี่ยงความร้อน เช่น แดดจัด ๆ อบไอน้ำ เลเซอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- อย่าเพิ่งแต่งหน้า หลังฉีดประมาณ 1 วัน ป้องกันการติดเชื้อ
- ถ้าบวม แดง หรือช้ำ เอาผ้าเย็นมาประคบเบา ๆ ช่วยได้
- ถ้ามีอะไรแปลก ๆ รีบบอกหมอ เช่น ปวดมาก แดงมาก หรือมีหนอง
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้พอ ผิวจะได้สวย ๆ ฟิลเลอร์จะได้เข้าที่
- ทำตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ Juvederm ของออกมาสวย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหา
อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังฉีด
หลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm อาจมีรอยแดง ช้ำ บวม หรือรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ค่ะ บางครั้งอาจเกิดก้อนเล็ก ๆ หรือผิวไม่เรียบบ้างถ้าฉีดตื้นเกินไป หรือฟิลเลอร์อาจเคลื่อนที่ได้
ฟิลเลอร์ Juvederm อันตรายหรือไม่?
ฟิลเลอร์ Juvederm ถือว่าปลอดภัยเมื่อฉีดโดยหมอที่เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน แต่ถ้าฉีดกับคนที่ไม่ชำนาญ หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม ก็อาจเกิดอันตรายร้ายแรง เช่น เส้นเลือดอุดตัน เนื้อตาย หรือติดเชื้อได้ ดังนั้น ความปลอดภัยจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิลเลอร์และฝีมือของหมอที่ฉีดค่ะ
วิธีเช็คฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้
หมอแนะนำวิธีดูฟิลเลอร์ Juvederm ที่ฉีดว่าเป็นของแท้หรือไม่ ดังนี้ค่ะ
- ดูที่กล่อง ต้องมีเลข อย. ชัดเจน และมีเลขซีเรียลนัมเบอร์ตรงกับที่บริษัทบอกค่ะ
- สังเกตกล่องและฉลาก ของแท้จะดูดี มีคุณภาพ มีสติกเกอร์กันปลอมด้วย
- ฉีดที่คลินิกที่น่าเชื่อถือ เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาต และมีคุณหมอเก่ง ๆ คอยดูแล
- ถ้าไม่แน่ใจ ให้ถามตรง ลองโทรหรือเช็กกับบริษัทที่นำเข้า Juvederm โดยตรง
ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่?
ราคาฟิลเลอร์ Juvederm ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 บาทต่อ 1 ซีซี ซึ่งราคาจะต่างกันไปตามรุ่นของฟิลเลอร์และแต่ละคลินิก รวมถึงอาจมีโปรโมชั่นและราคาในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันไปค่ะ
ข้อพิจารณาเลือกฉีด ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ไหนดี
หมอแนะนำว่า ถ้าอยากฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ให้สวย ปลอดภัย คุ้มค่า ต้องดูหลายอย่างประกอบ ดังนี้ค่ะ
- เลือกคลินิกและคุณหมอที่เก่งจริง มีใบอนุญาต ต้องเป็นหมอเฉพาะทางที่ไว้ใจได้ ฉีดในคลินิกที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน หมอจะช่วยดูว่าผิวเรามีปัญหาอะไร และเลือกรุ่นฟิลเลอร์ Juvederm ที่เหมาะกับตรงนั้น ๆ ให้กับคนไข้ค่ะ
- ดูว่าอยากฉีดตรงไหน แล้วเลือกรุ่นให้ถูก Juvederm มีหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็เหมาะกับฉีดคนละที่ เช่น Volite เติมใต้ตาให้ชุ่มชื้น Voluma กับ Volux เติมแก้ม คาง ให้หน้าดูมีมิติ เลือกให้ตรงจุด จะได้ผลลัพธ์ดี อยู่ได้นาน
- เช็กให้ชัวร์ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ คลินิกน่าเชื่อถือ ต้องเป็น Juvederm แท้ มีเลข อย. มีซีเรียลนัมเบอร์ชัดเจน คลินิกก็ต้องมีรีวิวดี ๆ คนพูดถึงเยอะ ๆ ปรึกษาคุณหมอก่อนฉีดให้ละเอียดค่ะ
- ดูงบประมาณและความคุ้มค่า ราคา Juvederm อาจจะสูงหน่อย แต่คุณภาพดี ผลลัพธ์อยู่นาน เลือกคลินิกที่บอกราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มทีหลัง คิดถึงความคุ้มค่าในระยะยาวด้วย
- คุยกับคุณหมอให้เข้าใจตรงกัน บอกคุณหมอว่าเราอยากได้แบบไหน จะได้รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นยังไง อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง
รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm



Juvederm ฟิลเลอร์ ฉีดร่วมกับยี่ห้ออื่นได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว สามารถฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ร่วมกับยี่ห้ออื่นได้ แต่หมอจะแนะนำให้รออย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังฉีดครั้งแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เก่าเข้าที่ก่อน ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อถึงจะเป็นสารไฮยาลูโรนิกเหมือนกัน
สรุป
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิค แอซิดคุณภาพสูงจากสหรัฐอเมริกา มีหลายรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแต่ละจุดบนใบหน้า ตั้งแต่เติมใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก คาง และอื่น ๆ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Vycross ที่ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี ให้ความรู้สึกนุ่มเป็นธรรมชาติ และมีความปลอดภัยสูงเมื่อฉีดโดยหมอผู้เชี่ยวชาญค่ะ ที่คลินิกกังนัม เรามีหมอเฉพาะทางด้านความงามที่มีประสบการณ์สูงในการฉีด Juvederm ทุกรุ่น เลือกสรรเฉพาะฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐาน พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับรูปหน้าของคุณโดยเฉพาะค่ะ